การดูแลรถเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนอยู่เกือบตลอดเวลา จึงควรจอดรถไว้ในที่ร่มเสมอ หรือหากไม่มีพื้นที่สามารถเช่าเต็นท์ผ้าใบ เพื่อทำเป็นโรงจอดรถก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการดูแลรถให้คงสภาพได้ยาวนานที่สุด ส่วนการดูแลรถขณะทำกิจกรรมกลางแจ้งมีความสำคัญมากเช่นกัน ในขณะที่เราทำกิจกรรมอยู่นั้น การจอดรถตากแดดอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น เกิดความร้อนสูงทำให้อุณหภูมิภายในรถเกิดความร้อนอย่างรวดเร็วทำให้อุปกรณ์ภายในรถเสียหาย ยางเสื่อมสภาพ สีรถซีดจาง ดังนั้นถ้าต้องจอดรถเพื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง จึงควรดูแลรถด้วยวิธีต่อไปนี้
1. การดูแลรถก่อนการเดินทาง
-
การประกันรถ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากรมธรรม์ประกันรถอยู่ในสภาพที่ถูกต้องและไม่หมดอายุ อาจต้องเพิ่มประกันรถให้ครอบคลุมกับการใช้งานกลางแจ้ง เช่น ความเสี่ยงจากการชนกับสิ่งของหรือสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงประกันนอกภูมิภาค หากจะเดินทางไปยังภูมิภาคที่ไม่คุ้นเคยควรตรวจสอบว่ากรมธรรม์ประกันรถมีการคุ้มครองสำหรับการใช้งานนอกภูมิภาคหรือไม่
-
การใช้ GPS
ใช้ GPS เป็นเครื่องมือในการนำทางที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้การสูญหายหรือตกหลุมซึ่งอาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง หากจะเดินทางไปยังที่ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตอ่อนหรือไม่มีในบางพื้นที่ ต้องใช้แผนที่ออฟไลน์ที่ถูกดาวน์โหลดล่วงหน้า GPS บางรุ่นมีฟีเจอร์การแจ้งเตือนการเสี่ยง เช่น การเรียกใช้เส้นทางที่เป็นทางล้อม ให้เปิดใช้งานเพื่อป้องกันการเดินทางที่อันตราย หากทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นทีม การแบ่งปันตำแหน่งผ่านแอปพลิเคชัน GPS อาจช่วยให้คุณและทีมของคุณตามติดกันได้
-
ตรวจสอบรถก่อนการเดินทาง
ตรวจสอบระบบเครื่องยนต์, ระบบเบรก, และระบบไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของรถ เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉุกเฉิน, กระจกน้ำแข็ง, และอุปกรณ์เครื่องมือ และทำการตรวจสอบ เติมแกนลมให้พอเหมาะกับความเรียบร้อยของยาง และตรวจสอบความเสียหายหรือซึมเซาของยาง
2. การดูแลรถระหว่างการเดินทาง
การขับขี่อย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร ใช้เครื่องมือเสริมความปลอดภัยเมื่อจำเป็น ระวังสภาพอากาศ ปรับตัวตามสภาพอากาศ เช่น การขับรถในสภาพฝนตกหรือทางลื่นไถล และเลือกที่จอดรถให้ปลอดภัยและเหมาะสม เพื่อป้องกันการเสียหายหรือการขโมย
3. การดูแลรถหลังการเดินทาง
ทำความสะอาดรถโดยใช้น้ำและสบู่เพื่อล้างคราบและสิ่งสกปรกที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง ตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้าอุปกรณ์อื่น ๆ หลังจากกิจกรรมเสร็จสิ้น และทำการบำรุงรักษาตามคำแนะนำจากผู้ผลิตรถ เพื่อให้รถทำงานได้ดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
การดูแลรถเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งต้องคำนึงถึงการประกันและการใช้เทคโนโลยี GPS เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยในระหว่างเส้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นตามมา